วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ถอดรหัส ศัพท์เทคนิค

  • มหัศจรรย์แห่ง bB

    b=bit (บิท) หน่วยนับพื้นฐานที่เล็กที่สุดที่คอมพิวเตอร์มองเห็น (แต่ยังไม่เข้าใจ)
    bit จะแสดงสถานะให้คอมพิวเตอร์เห็นเป็น   เปิด / ปิด  หรือ On / Off
    แต่เพื่อสื่อให้เข้าใจโดยง่ายจึงแทนสถานะเหล่านี้ด้วย  0 และ 1
    การเข้าใจแค่ 2 สถานะของคอมพิวเตอร์ คือ 0 กับ 1  เรียกระบบนี้ว่าเลขฐาน 2

    ถ้าเทียบหน่วยนับของคนเรา 1-10 ซึ่งมี 10 สถานะที่ต่างกันเรียกว่าเลขฐาน 10

    B=Byte (ไบต์) หน่วยเล็กที่สุดที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและถอดรหัสได้
    ด้วยความชาญฉลาดของผู้ออกแบบระบบคอมพิวเตอร์ในอดีต นำเอาหน่วยเล็กที่สุด
    ที่คอมพิวเตอร์มองเห็นคือ bit มาเรียงกัน 8-bit ที่จะแสดงค่าที่แตกต่างกันมากถึง

    (2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2) = 256 สถานะ 
    ในหลักสูตรคณิตศาสตร์ มัธยมปลาย มีสอนเรื่อง Factorial จะช่วยทำให้เข้าใจขึ้น

    256 สถานะเหล่านี้ ถูกกำหนดเป็นภาษากลางที่คน และ คอมพิวเตอร์เข้าใจร่วมกัน
    เรียกว่า ASCII Code  

    หมายเหตุเพิ่มเติม :
    การแยกตัวอักษร บีเล็ก-บีใหญ่ (b=bit / B=Byte) เพื่อง่ายต่อการสื่อความหมาย
    เพราะหน่วย b(bit) จะใช้เมื่อเป็นหน่วยแสดงถึงความเร็วและ B(Byte) จะแสดง
    ถึงขนาด และ ความสามารถในการเก็บข้อมูล 



  • หน่วยวัดพื้นฐานที่ต้องเข้าใจ

     หน่วยนับที่คนเราคุ้นเคยและนิยมใช้ในปัจจุบัน เรียกว่าเลขฐาน 10   
     เช่น 1 , 10 , 100 , 1000 เมื่อศูนย์มีมากขึ้น ก็เริ่มใช้ตัวย่อมาช่วย
     เพื่อให้อ่านและเข้าใจได้สะดวกขึ้น
     เช่น 1,000 = 1K  หรือ 1,000,000 = 1M

     แต่โลกของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบดิจิตอลในการคำนวน จะใช้เลขฐาน 2 เป็นหลัก

     นั่นคือคอมพิวเตอร์ที่แสนฉลาดล้ำ นับเลขได้แค่ 0 กับ 1 เท่านั้น!!!
     หน่วยนับพื้นฐานของคอมพิวเตอร์คือหน่วย Byte (ไบต์) ซึ่งค่าสูงสุดคือ

     (2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2) = 256 = 2^8 (2 ยกกำลัง 8)

     เมื่อตัวเลขมากขึ้น การใช้ตัวย่อ K, M, G หรือ T เพื่ออ่านตัวเลขมากๆให้เข้าใจ
     ง่ายขึ้น จึงปรับเลขฐาน 2 เลข เป็นเลขฐาน 10 เพื่อให้การเรียกขนาดได้ง่ายขึ้น 

     จึงต้องปรับจาก  2^8 = 2x2x2x2x2x2x2x2 = 256
     เป็น 2^10 (นับครบ 10 รอบ)  = 2x2x2x2x2x2x2x2x2x2 = 1024 

     เมื่อได้ 1024 เป็นเลขฐาน 10 แล้วก็ง่ายแล้ว  ที่เหลือก็คูณตัวเลขเข้าไปอย่าง
     ที่เราคุ้นเคยเช่น ..
     1024x2 = 2048 = 2K Byate (2KB)
     1024x4 = 4096 = 4K Byte  (2KB)
     1024x1000 = 1G Byte (1GB)


     ด้วยเหตุนี้ หลักพันของเราคือ 1000 ส่วน หลักพันของคอมพิวเตอร์คือ 1024 


  • ความเร็วและขนาด
  
     ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะมี ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็ว และ ความจุ
     - ถ้าเกี่ยวกับความเร็ว ก็คิดแบบเลขฐาน 10 เช่น
       ซีพียู ความเร็ว 2.66GHz เท่ากับ 2660MHz เท่ากับ 2660000KHz
       ความเร็วของระบเครือข่าย 1000Mbps เท่ากับ 1Gbps (Gigabit LAN)
       อัตราการการรับส่งข้อมูล 3 Gb/s = 3000Mb/s

       * เมื่อพูดถึงความเร็ว จะมีหน่วยเป็น b=bit (bps ; b/s =bit per second )

     - แต่ถ้าเกี่ยวกับความจุ  ก็คิดแบบเลขฐาน 2 (คอมพิวเตอร์ใช้เลขฐาน 2) เช่น
       RAM ขนาด 4GB = (4x1024MB = 4096MB)
       SD Card ขนาด 8GB = (8x1024MB)

       * เมื่อพูดถึงความจุ หรือขนาด จะมีหน่วยเป็น B=Byte 

  • ว่ากันในเรื่องของความเร็ว และขนาด

      CPU : ซีพียูทำงานตามจังหวะสัญญาณ ความเร็วในปัจจุบันอยู่ในระดับ
               GHz (GigaHertz : กิ๊กกะเฮิร์ต) ความเร็วที่สูงมากขึ้น จะเป็นผลให้ 
               ซีพียู เกิดความร้อนในขณะทำงาน มากขึ้นไปด้วย
        
      FSB : Front Side Bus เป็นความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลไปมาระหว่างซีพียู
              กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่นหน่วยความจำหลัก มีหน่วยเป็น 
              MHz (MegaHertz : เมกกะเฮิร์ต) เช่น 1066MHz 

      Cache : หน่วยความจำแคช เป็นหน่วยความจำที่อยู่ในซีพียู เป็นที่เก็บข้อมูล
              ที่มีการใช้งานบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความเร็วในการดึงข้อมูล มีหน่วยเป็น
              MB (MegaByte : เมกกะไบต์) เช่น 3MB
              (ส่วน L2 / L3 คือประเภทของหน่วยความจำแคช ประสิทธิภาพก็ต่างกัน)
              ของ)
             
  •  มาตราส่วน ที่ต้องเข้าใจ
 
       เมื่อตัวเลขมากขึ้น เพื่อให้เข้าใจได้โดยเร็ว มักจะมีการใช้สัญลักษณ์ หรือตัวย่อ
       เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น
       1,000,000,000,000   = 1T  (Tera)  สำหรับเลขฐาน 10     
       ดังนั้นจึงมีหน่วยการแปลง ทุกๆ 1,000 เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ดังนี้


หน่วยสัญลักษณ์ฐาน 10ฐาน 2
1 11
1,000K (Kilo)10^32^10
1,000,000M (Mega) = 1,000K10^62^20
1,000,000,000G (Giga) = 1,000M10^92^30
1,000,000,000,000T (Tera) = 1,000G10^122^40
1,000,000,000,000,000P (Peta) = 1,000T10^152^50
1,000,000,000,000,000,000E (exa)  = 1,000P10^182^60


  • การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย / อินเตอร์เน็ต

        เมื่อระบบคอมพิวเตอร์มีความต้องการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นระบบเครือข่าย
     เพื่อแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน จึงมีการสร้างมาตรฐานในการเชื่อมต่อของ
     คอมพิวเตอร์ให้สื่อสารถึงกันได้
     โดยหลักๆ การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักตามลักษณะ
     การเชื่อมต่อ (แต่ก็จะมีลักษณะการเชื่อมต่ออื่นตามออกมา ตามการพัฒนา
     ของเทคโนโลยีและอุปกรณ์)  
         - LAN (Local Area Network)
         - MAN (Metropolitan Area Network)
         - WAN (Wide Area Network) 

     เราจะลงรายละเอียดเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโน๊ตบุ๊คเป็นหลักเท่านั้นคือ
     ระบบแลน (LAN) ซึ่งแบ่งย่อยลงไปอีกคือระบบมีสาย (Wired) และไร้สาย
     (Wireless) 

     LAN แบบมีสาย : คือการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายด้วยสายผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า
           NIC (Network Interface Card) ที่อยู่ในเครื่องโน๊ตบุ๊คโดยความเร็ว
           ในการรับส่งข้อมูล ห้เลือก 2 กลุ่มคือ
              - 10/100Mbps (Ethernet) ความเร็วสูงสุดที่ 100Mbps
              - 10/100/1000Mbps (Gigabit) ความเร็วสูงสุดที่ 1000Mbps
                ซึ่งความเร็วสูงสุดจะขึ้นกับอุปกรณ์เชื่อมต่อเช่น ฮับ, สวิตช์, เราเตอร์
                ว่ามีช่องเชื่อมต่อที่มีความเร็วเป็นเท่าใด

     Wireless LAN แลนไร้สาย : คือการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายไร้สายผ่าน
           อุปกรณ์ที่เรียกว่า NIC มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่น้อยกว่าแบบมีสาย
           แต่มีความสะดวกมากกว่า ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้ในทุกที่
           ที่มีสัญญาณไปถึง 
           802.11 คือมาตรฐานของ Wireless LAN ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วคือ
                     802.11a ความเร็ว 54Mbps (ความถี่ 5GHz)
                     802.11b ความเร็ว 11Mbps (ความถี่ 2.4GHz)
                     802.11g ความเร็ว 54Mbps (ความถี่ 2.4GHz)
                     802.11n ความเร็วมากกว่า 100Mbps (ความถี่แบบ MIMO)
                                 MIMO คือการใช้หลายคลื่นความถี่และหลายเสาส่ง
            โดยปกติจะเขียนรวมเป็น 802.11a/b/g/n หรือ ABGN
            เพื่อระบุว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นสามารถรองรับความเร็วในการเชื่อมต่อที่เท่าไหร่


ที่มา http://www.notebook-thailand.com/content/8-technical-terms-reading

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น